วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

“Ussuri Bay” ธรรมชาติเปลี่ยนเศษแก้ว ให้กลายเป็น ชายหาดกรวดหลากสีสัน!

“Ussuri Bay” ธรรมชาติเปลี่ยนเศษแก้ว 
ให้กลายเป็น ชายหาดกรวดหลากสีสัน!

ชายหาดกรวดหลากสีสันที่เราเห็นกันอยู่นี้มีชือว่า “Ussuri Bay” (อุสซูรี เบย์) เป็นชายหาด ตั้งอยู่ใกล้เมืองวลาดวอสต็อก ประเทศรัสเซีย ในอดีตชายหาดแห่งนี้เป็นที่ที่พวกสหภาพโซเวียต จะนำขวดเครื่องดื่ม เบียร์ วอดก้า ไวน์ต่างๆ มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลาผ่านไป ธรรมชาติได้เปลี่ยนสิ่งมักง่ายที่มุนษย์ทิ้งไว้เหล่านี้ เป็นชายหาดก้อนหินที่สวยงาม คลื่นทะเลได้ขัดเกลาขวดแก้วที่แตกหักเหล่านั้นจนเป็นสิ่งอัศจรรย์และแปลกตา และตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตไปซะแล้ว ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมทะเลแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางรัฐบาลรัสเซียได้จัดให้หาด อุสซูรี เบย์ แห่งนี้เป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษ ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า หาดแก้ว (Glass Beach)
ข้อมูล: http://travel.mthai.com/world-trave

8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ

ถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในช่วงนี้ คงไม่มีที่ไหนเทียบ “เขาคิชฌกูฏ” ได้แล้ว เพราะเป็นช่วงแห่งงานบุญประเพณีสุดยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเปิดนมัสการรอยพระพุทธบาท (ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2558) ยิ่งทำให้ประชาชนและเหล่านักแสวงบุญ ต่างแห่แหนขึ้นไปอย่างล้นหลาม แต่พอลองมานึกๆ ดู ก็คิดได้ขึ้นมาว่า ทำไมผู้คนถึงยกขบวนมาที่แห่งนี้ในทุกๆ ปี ? เขาคิชฌกูฏ มีดีอย่างไรบ้าง ? travel.mthai.com จึงขอพาท่านไปพบกับ 8 เหตุผล ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ สถานที่แห่งพลังศรัทธา

เรื่องน่ารู้ 8 เหตุผล
ที่ทำให้ฝูงชนดั้นด้นขึ้นเขาคิชฌกูฏ




1. ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อ

ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อ
นอกจากการนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่เชื่อกันว่าเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บนยอดเขาคิชฌกูฏ นั้นยังมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนาอยู่มากมาย ทั้งศิลาเจดีย์ หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ ทำให้ผู้คนอยากมาเห็นสักครั้ง

2. พิสูจน์กำลังใจและความอดทน

เขาคิชฌกูฏ
การเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ ต้องเริ่มต้นที่วัดพลวง ต้องขึ้นรถกระบะโฟว์วีลไปตามถนนที่ลาดชันมาก ระยะทางราว 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร เหล่าฝูงชนต่างดั้นด้นขึ้นไปจนสุดปลายยอดเขา โดยมีความเชื่อกันว่าจะได้บุญสูงสุด และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

3. มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม



นอกเหนือจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่เพียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าพออิ่มบุญกันเสร็จแล้ว ก็มาเดินป่าต่อเลย

4. เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ

ผืนป่าของที่นี่มีความหลากหลายพอสมควร ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าผลัดใบ เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรและพันธุ์ไม้หายากมากมาย อย่างเช่นไม้กฤษณา เป็นต้น โดยป่าดิบชื้นจะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ ส่วนป่าดิบเขา จะอยู่บริเวณพื้นที่ยอดเขา

5. สัตว์ป่านานาชนิด

สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และชอบส่องสัตว์ ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กระทิง หมีควาย เก้ง กวางป่า เลียงผา เสือปลา หมูป่า อีเห็น พังพอน ค้างคาวแม่ไก่ นกกระทาทุ่ง ไก่ฟ้าหลังขาว นกกระปูด ฯลฯ

6. น้ำตกน่าเที่ยว


แน่นอนว่าบนภูเขา มักมีน้ำตก และที่นี่ก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง คุณจะได้พบกับสายน้ำอันเย็นฉ่ำของน้ำตกทั้ง 3 แห่งบนอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็น “น้ำตกกระทิง” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 13 ชั้น โดยชั้นที่ 8-9 จะมีความสวยงามที่สุด โดยลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 100 เมตร

แห่งต่อมาคือ “น้ำตกคลองช้างเซ” ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

และสุดท้ายคือ “น้ำตกคลองไพบูลย์” น้ำตกชั้นเล็กๆ น้ำใส เย็นสะใจ มีแก่งหินน้อยใหญ่มากมาย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานฯ

7. จุดชมวิวแห่งเมืองจันทบุรี


บนยอดเขาพระพุทธบาท คุณจะพบกับอากาศที่เย็นสบาย เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ใครยังไม่เคยไป ต้องลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

8. สนุกสนานกับการตั้งแคมป์

เมื่อมีการเดินป่า ก็ย่อมมีการตั้งแคมป์ เป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของเหล่านักผจญภัย โดยในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็มีพื้นที่เตรียมไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมกันด้วย หรือจะพักแบบบ้านพักเป็นหลังก็มีให้บริการ ที่สำคัญที่สุดของการเดินป่าและตั้งแคมป์ ทุกท่านควรรักษากฎของทางอุทยานฯ และรักษาธรรมชาติกันด้วยนะครับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร. 0 3945 2074
ข้อมูล : travel.mthai.com/travel